ไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาเรากังวลเกี่ยวกับชั้นโอโซนของเราที่มีปัญหา แต่เมื่อเดือนกันยายนได้มีการตรวจสอบใหม่อีกครั้งพบว่ามันเริ่มทึ่จะฟื้นตัวกลับมาแล้ว ซึ่งก็ต้องขอบคุณความพยายามที่น่ายกย่องในระดับโลกที่หลายคนออกมาควบคุมการใช้สารที่ทำลายชั้นโอโซน แสดงให้เราเห็นความมุ่งมั่นทางการเมืองของโลกที่จะประสบความสำเร็จ
เกือบ 300 นักวิทยาศาสตร์จาก 36 ประเทศมีส่วนร่วมในการรายงานรายละเอียดซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO)
ชั้นโอโซนเป็นชั้นของก๊าซที่ปกป้องเราจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายซึ่งปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ มันเริ่มลดลงในช่วงปี 1980 และในปี 1985 นักวิทยาศาสตร์พบช่องโหว่ของชั้นโอโซนเหนือทวีปแอนตาร์กติกา ดังนั้นรัฐบาลจึงกระตุ้นและเริ่มที่จะการดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้โอโซนลดลง ซึ่งก๊าซที่ทำลายชั้นโอโซน เช่น CFCs (chlorofluorocarbons) และ Halons ซึ่งถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ เช่นตู้เย็น ซึ่งสามารถเร่งการสูญเสียของโอโซนในชั้นบรรยากาศของโลก ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองทั่วโลกตั้งหัวข้อการเสนอราคาจากประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมา เพื่อลดการใช้ของพวกเขา ในปี 1987 เกือบ 200 ประเทศได้ลงนามพิธีสารมอนทรีออนซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อควบคุมการใช้สารที่ทำลายชั้นโอโซนชั้นโอโซนลดลงต่อเนื่องตลอดช่วงปี 1990 แต่ยังคงค่อนข้างคงที่ตั้งแต่ 2000 ตอนนี้ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของก๊าซทำลายชั้นโอโซนและเริ่มมีสัญญาณที่แสดงถึงการฟื้นตัวของโอโซนในอนาคต
ซึ่งหากไม่มีอนุสัญญามอนทรีออนคาดว่าระดับของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศจะได้เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าภายในปี 2050 ในอนาคตจะป้องกันไม่ให้โรคมะเร็งผิวหนังประมาณ 2 ล้านคนในทุกๆปีพร้อมกับการปกป้องสัตว์ป่าและการเกษตร
NASA
หากลงนามอย่างต่อเนื่องในการรองรับการปฏิบัติตามพิธีสารมอนทรีออน คาดว่าชั้นโอโซนเหนืออาร์กติกจะฟื้นตัวขึ้นก่อนปี 2050 ช่องโหว่ที่ขั้วโลกใต้จะใช้เวลานานมากในการรักษาเนื่องจากชั้นโอโซนนั้นมีสารที่ส่งผลกระทบกับชั้นโอโซน ผลมานานหลายปี
"การกระทำระหว่างประเทศกับชั้นโอโซนเป็นความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ" Michel Jarraud เลขาธิการของWMO กล่าว "นี้จะส่งเสริมให้เราแสดงถึงความสามัคคีที่จะแก้ไขปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
นักวิทยาศาสตร์จะนำเสนอผลการวิจัยของพวกเขาในเดือนพฤศจิกายนที่ประชุมประจำปีของภาคีพิธีสารมอนทรีออนในปารีส และรายงานฉบับเต็มจะได้รับการตีพิมพ์ในปีต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น